การผ่าตัดกระดูกในสุนัขคืออะไร?

เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกระดูกที่ หัก หลุด หรือผิดรูป ให้กลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงปกติที่สุด เช่น ใส่ plate, screw, pin, หรือ wire เพื่อยึดกระดูกให้ติดกลับเข้าที่ 🏥เคสที่โรงพยาบาล

น้องโค้ก สุนัขจร มาด้วยการถูกรถชน นอนร้อง ไม่สามารถลุกยืนได้ คุณหมอตรวจร่างกายและเอ็กซเรย์พบ

– Both femoral head fracture

– Left ilial wing fracture

– Right acetabulum fracture

– Right sacroiliac luxatuon

– Pubis fracutre

คุณหมอจึงวางแผนผ่าตัด ตรวจเลือด ซึ่งพบว่ามีค่าเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดที่ต่ำ จึงมีการถ่ายเลือดก่อนการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยในการดมยาสลบและผ่าตัด หลังจากนั้นได้มีการผ่าตัดโดยใช้วิธีต่าง ๆ คือ

– FHNE (Femoral Head and Neck Excision)

– TBW (Tension band wiring)

– Sacroiliac plate fixation

– Ilial plate fixation

ในการผ่าตัดซ่อมแซมกระดูกในครั้งนี้ หลังจากผ่าตัดน้องโค้กฟื้นตัวดี ได้รับน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ ยาลดปวดลดอักเสบ และแอดมิทอยู่โรงพยาบาลตลอด 24 ชม.เพื่อเฝ้าติดตามอาการ

—————————————————–

✅ ก่อนผ่าตัด – เตรียมพร้อมให้ปลอดภัย

ก่อนถึงวันผ่า สัตวแพทย์จะ

• ตรวจร่างกายและซักประวัติละเอียด

• ตรวจเลือดและการทำงานของอวัยวะสำคัญ (ตับ ไต เม็ดเลือด)

• ตรวจภาพรังสี/X-ray หรือ CT (บางเคส)

• วางแผนผ่าตัด เลือกวิธี fixation ที่เหมาะกับเคส

• งดอาหารก่อนดมยาสลบ

🛠️ ระหว่างผ่าตัด – ทำอย่างไร?

• ดมยาสลบโดยวิสัญญีและเฝ้าติดตามสัญญาณชีพตลอด

• จัดแนวกระดูกให้ถูกต้อง (bone alignment)

• ยึดกระดูกด้วย plate, screw, pin หรือ wire ให้มั่นคง

• ล้างแผลและเย็บปิดอย่างปลอดเชื้อ

• X-ray เช็กตำแหน่งหลังผ่าตัด

❤️ หลังผ่าตัด – การพักฟื้นสำคัญที่สุด

หลังผ่าตัดสัตว์ต้อง

• พักฟื้นและจำกัดการเคลื่อนไหว (crate rest)

• รับยาแก้ปวด+ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งสัตวแพทย์

• ทำแผลตามกำหนด

• มาตรวจติดตามและ X-ray ประเมินการติดของกระดูก

• เริ่มฟื้นฟูร่างกาย (physiotherapy) เมื่อเหมาะสม

📌 สิ่งที่เจ้าของต้องระวังหลังผ่า

• ห้ามวิ่ง กระโดด หรือเล่นแรง

• ป้องกันไม่ให้เลียแผล (ใส่ปลอกคอกันเลีย)

• ให้ยาให้ครบ ห้ามหยุดยาเอง

• ถ้ามีบวม แผลแดง มีกลิ่น เจ็บมากขึ้น หรือไม่ยอมลงน้ำหนัก → รีบพามาตรวจทันที

ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)

เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

ทำไมหมาแมวต้องถ่ายเลือด? รู้ไว้..

หลายคนอาจคิดว่า “การถ่ายเลือด” ทำเฉพาะในคน แต่จริงๆ แล้ว สัตว์เลี้ยงก็ต้องถ่ายเลือดได้เหมือนกัน และเป็นหนึ่งในการรักษาฉุกเฉินที่ช่วยชีวิตได้ทันที ✅

❗เมื่อไหร่ถึงต้องถ่ายเลือด?

สัญญาณอันตรายที่พบได้บ่อย

• ซีด เหงือกขาว หอบ อ่อนแรง เดินแล้วล้ม

• อุบัติเหตุเสียเลือด

• พิษยาเบื่อหนู เลือดไม่หยุด

• เกล็ดเลือดต่ำ (ITP)

• โลหิตจางจากพยาธิเม็ดเลือด

• โรคภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือด (IMHA)

✅ ก่อนถ่ายเลือดต้องทำอะไร?

การถ่ายเลือดต้องทำโดยทีมสัตวแพทย์อย่างปลอดภัย ผ่านขั้นตอนสำคัญ:

✔ ตรวจร่างกายและประเมินว่าจำเป็นต้องถ่ายเลือด

✔ ตรวจ กรุ๊ปเลือด (หมา: DEA / แมว: A, B, AB)

✔ ทำ Crossmatch หรือการเข้ากันระหว่างตัวให้และตัวรับเพื่อป้องกันการแพ้เลือด

✔ เลือกชนิดเลือดที่เหมาะ เช่น Packed RBC, Whole Blood, Plasm

🔄 ระหว่างถ่ายเลือดต้องมอนิเตอร์อะไร?

ทีมสัตวแพทย์จะติดตามอย่างใกล้ชิด

• อุณหภูมิ หัวใจ ความดัน ชีพจร

• อาการแพ้เลือด เช่น ไข้ ลมพิษ อาเจียน หอบ หรือช็อก

🏥 ธนาคารเลือดสำคัญยังไง?

• ช่วยเคสฉุกเฉินได้ทันที

• เลือดปลอดภัยผ่านการคัดกรองโรคติดเชื้อ

• ถูกต้องตามมาตรฐานการถ่ายเลือดในสัตวแพทย์

รักษาและถ่ายเลือด: น.สพ.ธีรยุทธ์ ปัญญาตุ้ย (หมอท็อป)

เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

แผลเล็ก ๆ ที่เห็นบนตัวสุนัขหรือแมว อาจไม่ใช่แค่แผลธรรมดา — แต่เป็น “เชื้อรา” ที่ติดต่อถึงคนได้!

หลายคนมักคิดว่าเป็นผิวหนังอักเสบเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย แต่จริง ๆ แล้ว Dermatophytosis (เชื้อราในผิวหนัง) เป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะบ้านที่มีหลายตัว หรือรับแมวจรเข้ามาใหม่ 🐱🐶

———————————————————————————

🔎 เคสนี้ที่พบในโรงพยาบาล

น้องแมวมาเพราะ คัน มีแผลที่หน้า ขนร่วงเป็นวงกลม เจ้าของคิดว่าเป็นแค่แผลธรรมดาทั่วไปจากการเกา หมอจึงมีการตรวจด้วย Wood’s lamp พบเรืองแสงสีเขียว (ผลบวกมีโอกาสเป็นเชื้อรา) และยืนยันด้วยการตรวจผิวหนัง Tape Impression และ Microscopy พบ สปอร์เชื้อรา (Dermatophytic spores) + ขนเสียรูป (Rotten hair shaft) -> เคสนี้จึงมีการให้สเปรย์ Topical น้ำยาอาบน้ำ และยากินกำจัดเชื้อรา และเฝ้าติดตามอาการต่อเนื่อง

———————————————————————————

💊 การรักษา

การรักษาต้อง ทำทั้งระบบ + ภายนอก ควบคู่กัน

✔️ ยาทาหรือแชมพูฆ่าเชื้อ

✔️ ยากินต้านเชื้อรา (ในเคสเป็นหลายตำแหน่ง หรือเรื้อรัง)

✔️ ฆ่าเชื้อสิ่งแวดล้อม กรง เตียง พรม เบาะ โซฟา

✔️ ตรวจติดตามทุก 2–4 สัปดาห์จนกว่าจะหาย

‼️ ปล่อยไว้ไม่หายเอง และสามารถติดสู่คนได้ โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และคนภูมิคุ้มกันต่ำ

🔐 ป้องกันเชื้อรา

– แยกสัตว์ป่วยไม่ให้คลุกตัวอื่น

– ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราในบ้านสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง

– หลีกเลี่ยงการใช้หวี/ผ้า/กระบะทรายร่วมกัน

– พาสัตว์ตรวจทันทีถ้ามีขนร่วงเป็นวง คัน หรือเป็นสะเก็ด

แผลที่เห็นเล็ก ๆ แต่โรคอาจไม่ได้เล็กนะครับ

ถ้าสงสัยว่าน้องติดเชื้อรา ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องครับ 💙

เรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

มดลูกอักเสบในสุนัข

ซึม ไม่กินอาหาร = ไม่ได้แค่ “ขัดใจเล็กน้อย” แต่เป็นสัญญาณอันตรายที่ หมาและแมว อาจกำลังป่วยได้หลายโรคมาก ตั้งแต่อักเสบติดเชื้อทั่วไป ไปจนถึงโรคภายในร้ายแรง เช่น ไต ตับ ตับอ่อน หรือติดเชื้อในมดลูก

เพราะฉะนั้นเวลาเข้ารักษา สัตวแพทย์จึงต้องมีการ ตรวจเลือด X-ray อัลตราซาวด์ หรือแล็บอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนรักษา ไม่ใช่แค่ฉีดยาบำรุงแล้วกลับบ้านเท่านั้น

———————————————————————————

👩‍⚕️ ตัวอย่างเคสจากทางโรงพยาบาล – น้อง โยเกิร์ต

สุนัขเพศเมีย อายุค่อนข้างมาก ยังไม่เคยทำหมัน มาด้วยอาการซึม ไม่กินอาหาร ตรวจอัลตราซาวด์พบว่า มดลูกมีการอักเสบและมีน้ำภายในต้องรับการรักษาทันที เพราะหากปล่อยไว้ เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) และเสียชีวิตได้ น้องได้รับการผ่าตัดนำมดลูกที่ติดเชื้อออก (Pyometra) พร้อมควบคุมการติดเชื้อและให้สารน้ำ หลังผ่าตัด เริ่มกลับมากินอาหารได้ อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ

———————————————————————————

❗ มดลูกอักเสบมีหนอง (Pyometra) อันตรายยังไง?

โรคนี้พบบ่อยมากใน สุนัขและแมวเพศเมียที่ยังไม่ทำหมัน โดยเฉพาะอายุ 6 ปีขึ้นไป

อาการที่ควรระวัง:

• ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

• ดื่มน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย

• ท้องโตผิดปกติ

• อาจมีของเหลวเหม็น ๆ ไหลจากช่องคลอด (แต่แบบปิดจะไม่ไหล)

✅ การรักษาที่ได้ผลที่สุด = ผ่าตัดเอามดลูกออก

❌ การรักษาแบบกินยาอย่างเดียว เสี่ยงโรคกลับเป็นซ้ำ และอาจพาไม่ทัน

———————————————————————————

📌 แนะนำ

การทำหมันเพศเมียตั้งแต่วัยเหมาะสม ช่วยป้องกันโรคมดลูกอักเสบ ได้ 100% อย่าปล่อยให้อาการเล็ก ๆ อย่าง “ซึม ไม่กิน” กลายเป็นเรื่องใหญ่

เรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

ผ่าตัด: น.สพ.ธนา ศรีสองเมือง (หมอโน๊ต)

โรคพิษสุนัขบ้าระบาด ป้องกันตัวด้วย คาถา 5 ย.!

1. อย่าแหย่⚠️ ให้สุนัขหรือแมวโกรธ

2. อย่าเหยียบ⚠️ ระวังเหยียบหาง หรือ ขา เมื่อพบสัตว์จร

3. อย่าแยก⚠️ เมื่อมีการกัดกัน ห้ามนำอวัยวะเราเข้าไปแยกกัน

4. อย่าหยิบ⚠️ ไม่หยิบชามน้ำ-อาหาร หรือ ของของเขา

5. อย่ายุ่ง⚠️ กับสัตว์จร หรือสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติวัคซีน

การปฐมพยาบาลเมื่อโดนข่วนหรือกัด หรือ โดนน้ำลาย ควร!

1. ล้างแผล ✅️ เปิดนำชะแผลขัดสบู่10-15นาที

2. ใส่ยา ✅️เช่น เบตาดีน

3. กักหมา✅️ ขังไว้10วันเพื่อเช็คชัวร์อาการโรคพิษสุนัขบ้า

4. หาหมอ ✅️รับไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีนและรักษาแผล

ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่งจากทีมงานโรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย ม.ฉัตรไพลิน

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)

โรคพิษสุนัขบ้า หรือ Rabies เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถติดจาก สัตว์สู่คนได้ โดยเฉพาะจาก สุนัขและแมวที่ติดเชื้อ รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่น ๆ

⚠️ สาเหตุและการติดต่อ

เชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าอยู่ใน น้ำลายของสัตว์ที่ป่วย และเข้าสู่ร่างกายคนหรือสัตว์อื่นผ่าน

•การกัด

•การข่วนจนเป็นแผล

•หรือการที่น้ำลายของสัตว์ป่วยเข้าตา ปาก หรือแผลเปิด

เชื้อจะเดินทางไปตามเส้นประสาทจนถึงสมอง และเมื่อเริ่มมีอาการแล้ว จะเสียชีวิตทุกราย 100% ❌

💉 การป้องกันที่ดีที่สุด

1.พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี

2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์จรจัดหรือสัตว์ที่ไม่รู้ประวัติการฉีดวัคซีน

3.หากถูกกัดหรือข่วน รีบล้างแผลทันที และ ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับวัคซีนป้องกัน

🚑 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกกัดหรือข่วน

1.ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 15 นาที

2.เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน หรือแอลกอฮอล์ 70%

3.รีบไปพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อรับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และวัคซีนบาดทะยัก

4.อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด เพราะเมื่อเชื้อเข้าสมองแล้ว จะไม่สามารถรักษาได้

🐕 อาการของสัตว์ที่น่าสงสัยว่าเป็นพิษสุนัขบ้า

•ก้าวร้าวผิดปกติ หรือซึม ไม่ยอมกินน้ำ

•น้ำลายไหลมาก กลืนลำบาก

•เดินเซ เกร็ง หรือชัก

•ตายภายในไม่กี่วันหลังแสดงอาการ

หากพบสัตว์มีพฤติกรรมผิดปกติ หรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า 👉 อย่าเข้าไปจับหรือทำร้ายสัตว์นั้นเอง

ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือ โทร 063-225-6888 (สายด่วนกรมปศุสัตว์) หรือแจ้งที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ/เทศบาลใกล้บ้านได้เลย 🧑‍⚕️

ด้วยความห่วงใยจากโรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย

เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

จบไปเรียบร้อยแล้วครับ คอร์ส Private upgrade ความรู้ด้านอัลตราซาวน์ ยุค 2025 สู่ 2026 ที่จองคิวกันนานนับปี อาจารย์คิวทองมากๆ ในที่สุดคิวเราก็มาถึง

โดยพื้นฐาน การใช้เครื่องอัลตราซาวด์สามารถช่วยดูอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต มดลูก และ ช่องท้อง เพื่อค้นหาความผิดปกติก่อนจะแสดงอาการรุนแรง ตรวจได้ทั้งสัตว์ป่วยและสัตว์สุขภาพดีครับ ซึ่งก็ควรฝึกฝนและอัพเดททั้งหมอและโปรแกรมสม่ำเสมอ

ปัจจุบันการอัลตราซาวน์ สามารถทำได้ละเอียดลึกซึ้ง ถึงการตรวจดวงตา และ จุดสำคัญต่างๆ ซึ่งก็ขึ้นกับระดับ ความ Hi-tech โปรแกรม ร่วมกับ ระดับฝีมือของหมอแต่ละท่านด้วยครับ

เราขอขอบคุณ อาจารย์หมอน้ำผึ้ง จากม.เกษตร หัวหิน ที่มาให้ความรู้ทั้งในภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี อัพเกรดการวินิจฉัยโรคในสัตว์เลี้ยงมากขึ้นครับ ทางเราจะนำความรู้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่วยที่มาโรงพยาบาลของเราทุกเคสครับ

การวินิจฉัยโดยอัลตราซาวด์เป็นวิธีปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ช่วยให้ทีมของเราดูแลน้องๆได้ทันท่วงที

โลกไม่หยุดหมุน เราไม่หยุดเรียนรู้ ทันสมัยเพื่อทุกชีวิตครับ