Cryptorchidism = ภาวะอัณฑะไม่ลงถุงอัณฑะตามปกติ
พบได้บ่อยในสุนัข และพบในแมวเช่นกัน เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ควรผ่าตัดแก้ไข ไม่ควรปล่อยไว้
🧩 มีกี่แบบ? ตำแหน่งอัณฑะค้างอยู่ตรงไหนได้บ้าง
ภาวะนี้แบ่งตาม “ตำแหน่งที่อัณฑะค้าง” ได้ 3 ตำแหน่งหลัก ๆ
1) Abdominal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่ในช่องท้อง ไม่สามารถคลำเจอ
→ มักต้องใช้อัลตราซาวด์ช่วยค้นหาตำแหน่งก่อนผ่าตัด
→ มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงที่สุด เพราะอัณฑะอยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม
2) Inguinal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่บริเวณขาหนีบ
→ มักคลำเจอเป็นก้อนนุ่ม ๆ ใต้ผิวหนัง
→ ผ่าตัดเปิดขาหนีบเพื่อนำออก
3) Prescrotal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่ “ก่อนถึงถุงอัณฑะ” ตรงแนว midline หน้าถุง
→ คลำเจอง่าย แต่ไม่ลงสู่ถุงตามปกติ
→ ผ่าตัดตำแหน่งด้านหน้า scrotum
🎯 สาเหตุที่ทำให้อัณฑะไม่ลงถุง
• พันธุกรรม (สำคัญที่สุด)
• ความผิดปกติของ gubernaculum / ช่องผ่านอัณฑะ
• ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวผิดสมดุล
• พบร่วมกับความผิดปกติแต่กำเนิดอื่นได้ในบางราย
⚠️ ถ้าไม่รักษา จะเกิดอะไรได้บ้าง?
• เสี่ยง มะเร็งอัณฑะ (sertoli cell tumor / seminoma)
• บิดอัณฑะ (torsion) → ปวดท้องเฉียบพลัน
• พฤติกรรมเสี่ยงจากฮอร์โมนเพศชาย
• ถูกจัดว่าเป็น “ข้อบกพร่องทางพันธุกรรม” → ไม่ควรนำไปผสมพันธุ์
📌 ตัวอย่างเคสจริง: “น้องซูโม่”
วินิจฉัย: Right unilateral inguinal cryptorchidism = อัณฑะขวาค้างที่ขาหนีบ
🔍 ก่อนผ่าตัด
• ทำ Ultrasound เพื่อยืนยันตำแหน่งอัณฑะ
• ตรวจเลือด ประเมินก่อนวางยาสลบ
🔪 การผ่าตัด ทำตามหลักมาตรฐาน 2 ขั้นตอน
1. Right cryptorchidectomy
• เปิดแผลบริเวณขาหนีบ นำอัณฑะที่ค้างออก
2. Left castration
• ทำหมันอีกข้างควบคู่กัน เพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมและมะเร็งในอนาคต
• เหตุผล: สัตว์ที่เป็น cryptorchid ไม่ควรคงความสามารถในการสืบพันธุ์
🩹 หลังผ่าตัด
– ให้ยาแก้ปวด–ยาปฏิชีวนะ
– ใส่ปลอกกันเลียตลอด 10–14 วัน
– ทำแผลตามคำแนะนำ
– ติดตาม 10 วันเพื่อดูแผล / ตัดไหม
ผลติดตาม: แผลแห้งดี ไม่มีติดเชื้อ และกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
🐾 คำแนะนำ
– ถ้าคลำถุงอัณฑะแล้วว่าง → ควรรีบตรวจ
– ยิ่งผ่าเร็ว ความเสี่ยงมะเร็งยิ่งลด
– ไม่ควรใช้เป็นพ่อพันธุ์
– ไม่ใช้วิธีพื้นบ้าน นวด กดดัน หรือกลึงให้ลง → อันตราย
– ผ่าตัดเป็นทางเดียวที่รักษาได้จริง
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)


