โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในคนเท่านั้นนะครับ สุนัขและแมวก็สามารถเป็นได้เช่นกัน โดยเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน อินซูลิน (Insulin) ที่ผลิตจากตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล เมื่ออินซูลินผลิตได้น้อย หรือร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นจนเกิดเป็น “โรคเบาหวาน”
—————————————————–
อาการที่ควรสังเกต
• ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย
• กินเก่งแต่ผอมลง
• ขนร่วง ผิวหนังไม่เงา
• ซึม อ่อนแรง เดินเซ
• ตาฝ้าขาว โดยเฉพาะในสุนัข
• แมวบางตัวอาจมี “เดินปลายเท้าแบน” (neuropathy)
หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาไปตรวจเลือดและปัสสาวะกับสัตวแพทย์ เพื่อยืนยันระดับน้ำตาลและประเมินการทำงานของอวัยวะอื่นร่วมด้วย
การรักษา
โรคเบาหวานจำเป็นต้องได้รับการดูแลระยะยาว การรักษาประกอบด้วย
• การฉีดอินซูลินเป็นประจำ (ตามชนิดและขนาดที่สัตวแพทย์กำหนด)
• การควบคุมอาหาร สูตรเฉพาะสำหรับสัตว์เบาหวาน
• การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะ
• การดูแลน้ำหนักตัวและการออกกำลังกายให้เหมาะสม
ห้ามหยุดยา หรือปรับอินซูลินเองโดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรงได้
โรคร่วมที่มักพบในสัตว์เบาหวาน (Concurrent diseases)
โรคเบาหวานในสัตว์เลี้ยงมักไม่ได้เกิดขึ้นลำพังครับ สัตวแพทย์มักตรวจพบโรคอื่นร่วมด้วย เช่น
• โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
• การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)
• โรคต่อมหมวกไต (Cushing’s disease)
• ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)
• ภาวะอ้วน หรือในแมวอาจพบ โรคไทรอยด์เกิน (Hyperthyroidism) ร่วมด้วย
โรคเหล่านี้อาจทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น จึงต้องตรวจและรักษาร่วมกันอย่างใกล้ชิดครับ
—————————————————–
การป้องกัน
• ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน
• ให้อาหารคุณภาพดี เหมาะกับช่วงวัย
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะสัตว์อายุเกิน 6 ปี
เบาหวานไม่ใช่โรคร้าย หากรู้ทันและดูแลถูกทาง การสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในพฤติกรรมของน้องหมาแมวคือกุญแจสำคัญในการยืดอายุและคุณภาพชีวิตของเขาครับ ![]()
![]()
วินิจฉัยและรักษา: น.สพ.ธีรยุทธ์ ปัญญาตุ้ย (หมอท็อป)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)


